คนที่ชอบนั่งหน้าจอทำคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ อย่างน้อยมากกว่าวันละ 2 ชั่วโมง โดยไม่พักสายตาก็มีโอกาสเกิดโรคตาดำ ตาคล้ำได้ ทั้งนี้ เพราะการนั่งหน้าจอทำงานมักจะต้องใช้สายตาและกล้ามเนื้อบริเวณตาค่อนข้างมากโดยที่ผู้ใช้งานมักไม่รู้ตัวผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า หากทำงานติดต่อกันเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่พักสายตา อาการที่มักปรากฏคือ
กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ทำให้เส้นเลือดดำขยายตัว เส้นเลือดเล็กลง เปราะบางและแตกง่าย เกิดการรั่วซึมของเลือดดำซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดรอยดำและหมองคล้ำขึ้น ยิ่งคนที่มีอาการตาแห้งซึ่งมักเกิดจากการจ้องหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ ทำให้การกะพริบตาน้อยลง น้ำตาที่เคยเคลือบผิวตาไว้จะระเหยออกไปได้มากในช่วงที่เราไม่กะพริบตาทำให้เกิดอาการตาแห้งขึ้นได้ ตามมาด้วยอาการคันซึ่งมักเป็นเหตุให้เรามักขยี้ตา จนทำให้เม็ดเลือดหลุดออกมาจากหลอดเลือดไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง ก็จะยิ่งเห็นเป็นรอยดำคล้ำชัดเจนยิ่งขึ้น บางรายออกสีม่วงคล้ำเลยก็มี
อาการดังกล่าวจะรุนแรงมากขึ้น หากพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้ขบวนการขับถ่ายของเสียออกจากเซลล์ผิวช้าลง เนื่องจากการไหลเวียนของน้ำเหลืองและโลหิตไม่ดี ถ้าหากเรายังมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเซลล์ผิวเริ่มเสื่อมเพราะอายุมากขึ้น ก็ยิ่งเห็นรอยดำชัดเจนขึ้น เนื่องจากผิวชั้นหนังกำพร้าบางลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น กล้ามเนื้อโดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาล่างที่เคยแข็งแรงก็เริ่มหย่อนยาน ถุงไขมันที่เคยถูกกั้นไว้ ก็จะค่อยๆ นูนป่องออกมาปรากฏให้เห็นเป็นถุงใต้ตา นอกจากอาการตาดำคล้ำที่ปรากฏแล้วยังมักพบอาการปวดเบ้าตา ตาพร่ามัวร่วมด้วย ถ้ายังฝืนนั่งหน้าจอใช้งานคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยๆ อาจมีปัญหาเรื่องสายตาตามมาได้ เช่น สายตาอาจสูญเสียการโฟกัสภาพ ทำให้มองเห็นภาพมัว เบลอ หรือซ้อนได้ ประสิทธิภาพในการมองเห็นลดลง ปวดเบ้าตา และมักมีอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ปวดไหล่ร่วมด้วย
บางรายนอกจากมีอาการตาดำคล้ำแล้วยังพบอาการถุงใต้ตา รอยบวมได้อีก เพราะพอกล้ามเนื้อรอบดวงตาเริ่มอ่อนแอ ชั้นผิวสร้างคอลลาเจนน้อยลง ไขมันที่เคยรองรับที่กระบอกตาดีๆ ก็จะมีการเลื่อนไหลออกมากองอยู่รอบดวงตา เมื่ออายุมากขึ้นชั้นผิวบางลงก็จะเห็นเป็นถุงใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น
หากมีอาการ เช่น ระคายเคืองตา ตาแห้ง ปวดเบ้าตา มองเห็นภาพซ้อน หรือเบลอ ประสิทธิภาพในการมองเห็นลดลง อาการเหล่านี้ควรปรึกษาจักษุแพทย์
หากมีปัญหาเรื่อง รอยดำ รอยคล้ำ รอยบวม ถุงใต้ตา การรักษาทางการแพทย์ถ้าเป็นสมัยก่อนมักคิดถึงการผ่าตัด ซึ่งโดยมากจะช่วยเรื่องถุงใต้ตาได้ดีแต่ช่วยเรื่องรอยคล้ำได้น้อยนอกจากตัดรอยดำออกไปด้วย ไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การผ่าตัดอาจช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงสดใส แต่ความงามนี้อาจอยู่ได้ไม่นานเพียง 1-2 ปี หากขาดการดูแลและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัยเสี่ยงข้างต้นก็จะเกิดปัญหาซ้ำใหม่ได้
ทั้งนี้ เนื่องจากการผ่าตัดคือการตัดเอาถุงไขมันใต้ตาทิ้งไป แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันก็ยังเกิดขึ้นได้ใหม่ตลอดเวลา เมื่อสภาพผิวเริ่มอ่อนแอลงผนวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวก็เสื่อมถอยขาดประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนขับถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง ก่อเกิดการสะสมตัวซ้ำ ของถุงใต้ตา และริ้วรอยหมองคล้ำอยู่เรื่อยไป
สำหรับรอยดำ รอยคล้ำรอบดวงตาเกิดขึ้นได้ง่ายเพราะผิวบางกว่าบริเวณอื่นๆ วิธีแก้ไขคือมองดูว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยดำ ซึ่งสาเหตุแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกเกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดดำ เช่น ใช้สายตามาก นอนหลับไม่เพียงพอ ชอบขยี้ตาบ่อยๆ หรือขยี้ตาจนติดเป็นนิสัย ทำให้เม็ดเลือดหลุดออกมาจากหลอดเลือดไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง เห็นเป็นรอยคล้ำชัดเจน อีกกลุ่มเกิดจากการเพิ่มขึ้นของเม็ดสี เช่น รอยดำหลังการอักเสบ อย่างถูกขยี้ตาจนอักเสบ หลังหายจะทิ้งรอยดำเอาไว้
วิธีการดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ ก็ช่วยชะลอปัญหาผิวรอบดวงตาได้ เช่น อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป อย่าขยี้ตา หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ ร่วมกับการบำรุงผิวรอบดวงตาก็สามารถช่วยให้ผิวกระชับได้
ปัจจุบันมีการค้นพบสารโปรตีนอนุภาคเล็กที่เรียกว่า Acetyl tetrapeptide 5 ซึ่งทางการแพทย์ใช้เป็นยาลดความดันเลือด และวิตามิน K ในปัจจุบันมีการนำสารทั้ง 2 ชนิดนี้มาใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิว เพราะมีการศึกษาวิจัยในยุโรปแล้วว่าสามารถช่วยลดการเกิดถุงใต้ตา รอยบวม รอยดำคล้ำได้ ช่วยลดการสะสมตัวของน้ำและไขมันที่อาจเกิดขึ้นรอบดวงตา พร้อมกับช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอย จึงช่วยลดการรั่วซึมของเลือดดำ เมื่อผนวกกับระบบนำพาด้วยฟิฟโตโซม ซึ่งมีขนาดอนุภาคเล็กเพียง 50-70 นาโนเมตร ซึ่งเล็กกว่าช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว จึงนำพาสารบำรุงได้ล้ำลึกถึงเซลล์ผิวชั้นใน จึงช่วยลดปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง
สำหรับคนที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็มีวิธีดูแลตัวเองเพื่อชะลอการเกิดรอยดำ รอยคล้ำรอบดวงตาได้ด้วยการพักสายตาทุก 15 นาที โดยมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า พร้อมปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ และจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างจากตาอย่างน้อย 2 ฟุต ถ้าเป็นไปได้ควรมีแผ่นกรองแสงหรือสวมแว่นตาตัดแสง นอกจากนี้ ควรกะพริบตาประมาณ 10 ครั้ง ทุกๆ 30 นาที เป็นการช่วยทำให้ตาเราชุ่มชื้นลดอาการตาแห้งได้
หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที ควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอวันละ 8 ชั่วโมง ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น ด้วยการดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ ก็สามารถช่วยลดการเกิดปัญหารอยดำ รอยคล้ำ ถุงใต้ตา พร้อมถนอมดวงตาคู่สวยของคุณให้อยู่กับคุณไปได้นานๆ